นายแพทย์ ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ

เส้นทางสู่การพัฒนาจิตวิญญาณของเราและการเข้ามาเป็นนักเรียนของบราห์มากุมารี มหาวิทยาลัยทางจิต

Our path to Spirituality becoming Brahma Kumaris since 2002

บีเค นายแพทย์ ดำรงพันธ์ วัฒนะโชติ   บีเค แพทย์หญิง โสมสราญ วัฒนะโชติ

 99     ตำแหน่งปัจจุบัน    ผู้อำนวยการศูนย์โรคทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพ

    – แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระบบทางเดินปัสสาวะ

    – ที่ปรึกษาด้านวิชาการมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน    (People Eye Care Foundation)

    – คณะกรรมการดูแลรักษาผู้ป่วยแบบประคับประคอง    (Palliative Care Committee, Spiritual Consultant)

            เดิมทีนั้น ผมอยู่ในครอบครัวที่คุณพ่อท่านเป็นผู้ที่เค่รงในเรื่องของการสวดมนต์ภาวนา เต็มไปด้วยศรัทธาต่อหลักธรรมและการปฏิบัติในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งคุณแม่ท่านก็จะสวดมนต์และนั่งสมาธิอยู่เป็นประจำ  บ้านของท่านที่ห้องพระ จะมีพระพุทธธูปทั้งองค์เล็ก องค์ใหญ่อยู่เป็นจำนวนมาก ครอบครัวของเราจึงเติบโตมาด้วยความศรัทธาและความซาบซึ้งในพระธรรมคำสอน ใช้ธรรมะเป็นจริยธรรมและหลักการในการดำเนินชีวิตมาโดยตลอด กอร์ปกับในช่วงชีวิต  หลังจากจบการศึกษาแพทย์ศาสตร์บัณพิตและดุษฎีบัณฑิต ด้วยทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ผมเป็นคนที่สนใจ ชอบความสวยงามของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเราและการค้นหา หนทางที่นำไปสู่การเรียนรู้ที่จะและพัฒนาแนวความคิด คุณภาพและปรัชญาในการดำเนินชีวิต ดังนั้นประสพการณ์ทำงานของผมที่เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระบบศัลยกรรมทางเดินปัสสาวะ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 เมื่อรับราชการอยู่ ณ. โรงพยาบาลราชวิถี  จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. 2539  รวม 18 ปี จึงได้มีโอกาสสร้างสรรค์พัฒนางานไว้ให้กับราชการมากพอสมควรก่อนที่ จะออกจากระบบราชการ มาทำงานอิสระ รับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์โรคทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลกรุงเทพจวบจนถึงปัจจุบัน ดังนั้นในช่วงก่อน มากกว่าสิบปีที่แล้วมาผมจึงได้เคยทำงานที่เน้นในสายวิชาการทางการแพทย์เป็นหลัก ได้แก่งานของสมาคมศัลยแพทย์ทางเดินปัสสาวะ  งานเรียนงานสอนฝึกอบรมย์แพทย์ประจำบ้านตลอดจนงานควบคุมและป้องกันโรค ในระดับชุมชน ที่จะเสริมสร้างสุขภาพ ตามแนวนโยบายของกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข  ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน คุณหมอโสมสราญ วัฒนะโชติ ก็ได้มีโอกาสทำงานที่คล้ายกัน ท่านเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจักษุและชอบที่จะทำงานเพื่อชุมชนในแนวทางป้องกันและควบคุมโรคตาบอดของกรมการแพทย์ ตั้งแต่เมื่อครั้งรับราชการอยู่นั้น ท่านจึงได้เป็นแกนนำในการก่อตั้งเป็นมูลนิธืดวงตาราชวิถี ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนเป็นมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชน ปัจจุบันสำนักงานอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ซอยศูนย์วิจัย โดยหลักการแล้วมูลนิธิตั้งปนิธาณไว้ว่า “สร้างกุศลช่วยคนให้มองเห็น” โดยมีท่านประธานกรมการ  ดร. พิพัฒน์ ปรีดาวิภาต และคณะกรรมการอีกหลายท่านที่มิใช่เป็นแพทย์ แต่ทุกท่านมีอาชีพ ธุรกิจอิสระแตกต่างกันและ ล้วนแต่มีจิตใจที่เป็นกุศลที่อยากจะช่วยเหลือสังคม และพร้อมกันนี้เราก็มีทีมจักษุแพทย์กลุ่มหนึ่ง ที่เข้มแข็งรวมทั้งที่พยาบาลอีกหลายสิบท่าน ทั้งหมดจึงเป็นอาสาสมัครที่เข้ามาช่วยออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ทำผ่าตัดต้อกระจกให้กับผู้ป่วยที่ยากจนในชนบท คุณหมอโสมสราญทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของคณะกรรมการมูลนิธิฯ  จนถึงปัจจุบัน ตัดรักษาต่อกระจก ไปไม่ต่ำกว่าสองหมื่นดวงตาแล้ว ปัจจุบันท่านเคยเป็นผู้อำนวยการศูนย์จักษุโรงพยาบาลกรุงเทพ ถึงปัจจุบัน

              ครั้งหนึ่งในชีวิตที่เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าไปสู่เส้นทางแห่งจิตวิญญาณ   ที่ยังได้ต่อเนื่องมาจนถึงวันนี้  เกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ.  2002 เป็นช่วงวันหยุดอาสาฬหบูชา ในปีนั้นผมได้ตัดสินใจไปร่วม สัมนาแบบสมาธิ (Meditation Retreat)  ที่มาเลเซีย 4 วัน      แทนที่ผมจะไปเข้าร่วมประชุมประจำปีของสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะซึ่งปกติผมจะไปร่วมอยู่เสมอทุกปี  กล่าวคือผมได้เปลี่ยนใจไปเข้าร่วมสัมมนาทางจิตแทนการสัมมนาทางโลกด้วยเพียงความรู้สึกที่ว่าลองเปลี่ยนดูสักครั้ง  การสัมมนาที่ไปครั้งนั้น เป็นโครงการชื่อ “Call of the Time Dialogue”  หรือ “เสียงเรียกแห่งการเวลาให้เราได้มาสนทนากัน”…จัดโดยบราห์มากุมารี  มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก เราทั้งสองคนได้เข้าไปร่วมรายการนี้ พร้อมกับผู้ที่มาจากต่างประเทศอื่นๆ อีกประมาณ สี่สิบกว่าคน หัวข้อที่เขาใช้ในการเรียนรู้นี้มีชื่อว่า “Healing the Humanity through Respect, Compassion and Tolerance”  น่าจะแปลว่า การเยียวยารักษาสังคมด้วยการสร้างคุณค่าแห่งความเคารพ ความกรุณาและความอดทน ที่นั่นเป็นครั้งแรกที่เราได้พบและรู้จักกับ ดาดี้ แจงกี (Dadi Janki)  ผู้เป็นที่เรื่องลือที่มีพลังจิตของท่าน รวมทั้งคณะผู้จัดที่สำคัญได้แก่ ซีสเตอร์ จายันตี (Sr. Jayanti) ซีสเตอร์ มีร่า (Sr. Meera) จากมาเลเซีย และบราเด้อ คริส (Br. Christ) จากฮ่องกง ที่ผมรู้สึกแปลกใจและประทับใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ แววตาที่เป็นประกายของ ด้าดี้ แจงกี ท่านเป็นราชาโยคี ร่างเล็ก  แต่ดูสง่างาม  เมื่อท่านหยุดยืนนิ่ง ทักทายเราด้วยสายตาและรอยยิ้ม ผมรู้สึกได้ในใจเหมือนใบหน้าเราวาบขึ้นด้วยแสงหรือพลังอะไรสักอย่างที่เติมเต็มเราด้วยความรักและเมตตาอย่างใหญ่หลวง   ผมแอบยกมือของท่านวางไว้ที่ศรีษะผมโดยไม่รู้ตัว  นี่คือ ศรัทธาและแรงบันดาลใจ ครั้งยิ่งใหญ่ที่ผมได้รับ

 ๅๅๅ ๅ ๅๅ

ดูเหมือนสมองผมโล่งไปพร้อมๆกับความรู้สึกกระตือรือล้นที่ต้องการเรียนรู้เรื่องราวของมหาวิทยาลัยทางจิตนี้ให้มากที่สุด   ตลอดเวลาที่ด้าดี่ สอนเราท่านพูดเป็นภาษา ฮินดี (มีล่ามแปล เป็นภาษาอังกฤษ) ท่านพูดช้าๆ ทิ้งช่วงบ้างให้เราได้คิดตามและซาบซึ้งไปกับความรู้ที่สูงส่ง เต็มไปด้วย คุณค่า คุณธรรม ที่เราจะสัมผัสได้ด้วยจิตสำนึกของเราเองว่า  ท่านปราชที่ยิ่งใหญ่ที่มีพลังแห่งความเงียบสงบอย่างแท้จริง (Power of Silence) สิ่งที่ได้เริ่มเรียนรู้คือ การค้นหาคำตอบว่า “ตัวฉันคือใคร” ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะไม่คุ้นกับการถูกถามเช่นนี้ หรืออาจคิดเองว่าจะตอบไปทำไมกัน  หากแต่ตรงกันข้ามบรรยากาศการสัมนาในครั้งนั้นได้จุดประกายให้เราได้หันกลับมาสนใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจและร่างกายขึ้นเป็นอย่างมาก เราเริ่มเข้าใจการที่จะนำคุณค่า คุณธรรมสามตัวในการเยียวยาสังคมที่กำลังปั่นป่วนอยู่ในปัจจุบัน กล่าวคือ การให้ความเคารพ (respect)  ความอดทน (tolerance) และ ความกรุณา (Compassion) ตรงกับหัวข้อของการสัมมนาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เราได้เรียนรู้ในเชิงปฏิบัติเบื้องต้นของการทำ โยคะสมาธิ แบบราชาโยคะ ซึ่งดาดี้ แจงกี เป็นพี่เลี้ยงให้เราตั้งแต่เวลาเช้ามืด ตีสี่ถึงตีห้า จากนั้นมีการออกกำลังกาย โดยมีครูสอนชี่กงแบบง่ายๆ เป็นพื้นฐานเบื้องต้นให้ เราเริ่มรู้สึกดีที่ได้ทานอาหารมังสะวิรัติทั้งสามมื้อตลอดรายการ ผมและคุณหมอโสมสราญเองรู้สึกชอบบรรยากาศของการเรียนรู้ และยังได้ซื้อหนังสือสองเล่มเขียนโดย Dr. Roger Cole ชื่อ Mission of Love และ Healing Heart and Soul เมื่อกลับมาทำงานได้เริ่มอ่านหนังสือเล่มแรกก็ยิ่งรู้สึกทึ่งและประทับใจกับประสพการณ์ของผู้เขียนที่ท่านเป็นแพทย์ที่ให้การบำบัดรักษาผู้ป่วยมะเร็งและก็ได้เข้ามาเป็น บราห์มากุมารี  เราได้รับประโยชน์มากจากการสัมมนาครั้งนี้และเมื่อกลับมา เราสองคนได้ตั้งใจว่าจะต้องหาโอกาสไปเที่ยวที่มหาวิทยาลัยทางจิตที่ Mount Abu, Rajasthan, India ให้ได้ในเร็ววัน  แค่ชื่อก็ทำให้เราสงสัยและสนใจมากว่าที่นั่น เขาจะสอนเรื่องอะไรกันนะ  ในช่วงเวลาสามปีก่อนนั้นผมเองทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพ โดยรับสองตำแหน่ง กล่าวคือ เป็นผู้อำนวยการศูนย์คุณภาพนอกจากเป็นผู้อำนวยการที่ปรึกษา ศูนย์โรคทางเดินปัสสาวะไปพร้อมกันด้วย ผมเริ่มรู้สึกว่าการสอนและขับเคลื่อนให้บุคลากรทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและคุณภาพแท้จริงนั้น ไม่ใช่เรื่องของการควบคุมด้วยกระบวนการและเอกสารเท่านั้น   ที่สำคัญ คุณภาพก็ไม่ใช่เรื่องของจิตวิทยาหรือปรัชญา  แต่ควรเป็นเรื่องการให้ความสำคัญ สร้างคุณค่า สร้างจริยธรรมคุณธรรมให้เข้าไปอยู่ในสายเลือด อยู่ในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของบุคลากร  ดังนั้นจึงควรเป็นการสร้างสำนึกทางจิตวิญญาณมากกว่า

             อาจจะเป็นความตั้งใจที่แรงกล้าของเราทั้งสองคน ไม่นานเราก็ได้รับการติดต่อให้เข้าร่วมรายการใหญ่ชื่อ Peace of Mind  ของมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ที่ประเทศอินเดีย ซึ่งจัดขึ้นเฉพาะในเดือนตุลาคม ปีละครั้งเดียว เท่านั้น (เราขอขอบคุณ บราห์ม่ากุมารี คุณวลัยพร สินธพ หรือ แหง่ม เบน ตอนนั้นท่านได้เป็นผู้ติดต่อประสานงานทำให้เราได้เข้าไปอยู่ในโปรแกรมนี้ )  เราตื่นเต้นมากที่จะได้เดินทางไปประเทศอินเดียเป็นครั้งแรกในชีวิต ไปด้วยกันเพียงสองคนเป็นคนละเที่ยวบินกับท่านอื่นที่เดินทางไปกับที่ศูนย์ใหญ่นนทบุรี เราเพียงแต่รับทราบมาว่า เมื่อถึง สนามบินนิวเดลฮี แล้วจะมีบราห์มากุมาร ใส่ชุดสีขาวติดเข็มที่หน้าอกมารอรับเราและจะพาเราไปขึ้นรถไฟเป็นตู้รถนอน ซึ่งทุกอย่างจัดโปรแกรมไว้เรียบร้อยหมด แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าเราคลาดจากคนที่มารับเพราะไปเสียเวลารอแลกเงินรูปีที่สนามบินช้าไปหน่อยจึงออกมาไม่เจอใคร  ขณะที่ก็ไม่ทราบสถานที่ติดต่อกับศูนย์ที่นิวเดลฮีด้วย เราจึงต้องช่วยตัวเองด้วยการติดต่อกับบริษัททัวร์ ที่เลือกแล้วพอจะคุยกันไว้ใจได้ รู้จุดประสงค์ของเราว่าต้องการเดินทางไปให้ทันกำหนดการ ได้ลองให้เขาประสานงานดูไม่มีตั๋วรถไฟในคืนนั้นแล้ว  จึงทราบว่ามีทางเลือกเดียวคือต้องเช่ารถตู้แวนให้ไปส่งถึงที่มหาวิทยาลัยทางจิต เมาท์อาบู มธุบานเลย เราจึงได้เดินทางข้ามคืน โชเฟอร์ขับรถอัชฌาศัยคีมากและนับถือพุทธศาสนาด้วย เราได้พูดคุยกันมาตลอดทางมากกว่านอนพัก

ฟ 100 10 74

 เราพบว่าบรรยากาศสองข้างทางของอินเดียกลางคืนและช่วงเช้าบนเส้นทางได้ผ่านเมืองสีส้มไจเปอร์ Pink City, Jaipur  แสงไฟในค่ำคืนนั้นที่สาดแสงสีส้มกับในยามเช้าที่ถนนหนทางในเมือง แน่นขนัดไปกับผู้คนที่ออกไปทำงาน มีทั้งรถถีบสามล้อและรถลากด้วยวัว ลาหรืออูฐ ก็มี เป็นธรรมชาติไปอีกแบบหนึ่งที่สวยงามของชนบทอินเดีย  เราเดินทางข้ามคืนนับสิบกว่าชั่วโมงจึงใกล้ถึงเมืองเมาท์อาบู ได้พักทานอาหารเช้าที่รีสอร์ทเล็กๆแห่งหนึ่ง ก็พอดีที่ได้เห็นดวงตะวันขึ้นที่ขอบฟ้า ผมรู้สึกว่าใกล้ที่จะถึงจุดหมายแล้วด้วยความตื่นเต้นที่ว่าแม้ว่าการเดินทางครั้ง แรกนี้จะดูขลุกขลักเล็กน้อยจากสนามบินเนื่องจากการนัดหมายที่คลาดเคลื่อน แต่เราก็ได้สนุกไปอีกแบบหนึ่งด้วยการผจญภัยดังกล่าวที่ประทับใจ  พอถึงเมาท์อาบูแล้วรถต้องข้ามเขา บนถนนที่คดเดี้ยวหลายสิบโค้ง ถึงมธุบาน ซึ่งมารู้ภายหลังว่าเป็นสถานที่ที่ถูกก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกของมหาวิทยาลัยทางจิตและเป็นสำนักงานใหญ่ ใกล้ๆที่นั่นมีทะเลสาปชื่อนากี   จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อแห่งหนึ่งเช่นกันและ จากมธุบาน สักสิบห้านาทีเป็นเวลาประมาณสิบโมงเช้าเรามาถึงญาณสะโรวาร์Gyan Sarovar  แปลว่า ทะเลสาปแห่งความรู้ ตรงประตูใหญ่ทางเข้ามีป้ายเขียนว่า ACADEMY FOR THE BETTER WORLD BY BRAHMA KUMARIS MT. ABU   หมายความว่าสถาบันการศึกษาเพื่อโลกที่ดีกว่า    แค่ชื่อนี้ก็ทำให้เรารู้สึกทึ่งอยู่แล้วว่า ที่นี่คือสถานที่ที่เราจะมาเรียนรู้กันเพื่อเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนแล้วจึงเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นกว่าเดิม และในที่สุดเราก็มายืนอยู่ที่อาคารวิษณุบุรี สถานที่ต้อนรับแขกผู้เดินทางมาและประสานงานติดต่อลงทะเบียนทะเบียน  และนี่คือประตูที่สองที่เรา  เปิดเข้าไปสู่โลกกว้างแห่งวิถีชีวิตทางจิต  ผมรู้สึกภาคภูมิใจมาก ที่ได้มายืนอยู่ที่นี่แล้วและดูเหมือนว่าเรารู้คุ้นเคยกับสถานที่นี้มาก่อนอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นเราก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งในทุกๆเรื่อง ตั้งแต่ที่พัก อาหาร การแนะนำอาคารสถานที่และการปฐมนิเทศโปรแกรมการสัมมนาทั้งหมดระหว่างวันที่ 14-21 ตุลาคม 2002  เริ่มตั้งแต่เย็นวันนั้น  โดยที่เราเริ่มเข้าสัมมนาได้ทันกำหนดวันเวลาด้วยความเรียบร้อย  รายการ Peace of Mind นี้ เป็นโปรแกรมที่ใหญ่กว่า Call of Time Dialogue ที่ได้ไปร่วมที่มาเลเซียมากๆ  จำได้ว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณหนึ่งพันกว่าคน มาจากประเทศต่างๆหลายสิบประเทศ และเป็นรายการแนะนำสำหรับผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้ามารู้จักกับงานของมหาวิทยาลัยทางจิตเท่านั้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจริงๆ และได้มาเปิดโลกทัศน์ ที่กว้างขวางในมุมมองแห่ง การค้นหา ความสงบในจิตใจอย่างแท้จริงเพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตนเองและสร้างคุณประโยชน์ให้แก่เพื่อนร่วมโลกใบนี้  การสัมมนาเริ่มต้นในวันรุ่งขึ้นที่เราได้มารวมกันอยู่ใน ห้องประชุมใหญ่ชื่อ  Universal Harmony Hall ในความหมายถึงความสอดคล้องกลมกลืนที่เป็นสากล  ห้องนี้มีที่นั่งถึงจุได้ถึง 1600 คน มีห้องใช้สำหรับแปลภาษาต่างๆมาย  เราเริ่มรายการกัน ตั้งแต่เช้ามืด ตีสี่ เป็นการนั่งสมาธิ มีการสอนความรู้ทางจิต Spiritual Class แล้วหยุดพักหลังทานอาหารเช้าแล้วกลับเข้ามาเรียนใหม่เวลาสิบโมงเช้า

1 1 ๅๅๅๅๅ

ที่ตื่นเต้นมากคือวันที่สองที่ทุกคนจะได้เดินขึ้นไปพบกับผู้บริหารใหญ่หลายท่านเพื่อไปรับของขวัญแจกที่ระลึกจาก Dadi Prakasmani ดาดี้ (พี่สาวใหญ่)ปรากาศมณี  ซึ่งขณะนั้นท่านเป็นผู้บริหารสูงสุดของ บราห์มากุมารี ท่านเต็มเปี่ยมไปดวยพลังแห่งความบริสุทธิ์และความปราถนาดี เราสัมผัสได้ด้วยสายตาที่ท่านทักทายเราด้วยความนิ่งเงียบและรอยยิ้มของท่านเป็นประกายจากภายใน ท่านสอนเราให้พูดคำว่า โอม ชานติ ที่แปลว่า ฉันเป็นดวงวิญญาณที่สงบ เป็นความสงบ ความรักที่บริสุทธฺและเราเป็นความปีติสุข เราได้รับความรู้อีกมาก จากดาดี้ แจงกี และ ครูผู้สอนซึ่งเป็น บราห์มากุมารีและบราห์มากุมาร ท่านเหล่านี้วางตัวเสมือน พี่สาวและพี่ชาย โดยที่เราก็เรียกนำชื่อท่านว่า  sister และ brother  เราเริ่มรู้จักบราห์กุมารี มหาวิทาลัยทางจิตของโลกนี้มากขึ้นเมื่อทราบถึงประวัติที่มาของการก่อตั้ง โดยท่านประชาปิตาบราห์มา ตั้งแต่ปี คศ 1937 ซึ่งมีชีวประวัติเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งซึ่งเราจะหาอ่านได้จากหนังสือ อดิเทพ ADIDEV INSTRUMENT OF THE SUPREME BEING ระหว่างการเรียนรู้ยังมีการแสดงละครประกอบ ชื่อว่า การเดินทางของดวงวิญญาณ The journey of the soul เป็นตอนๆสั้นๆทำให้เราสามารถติดตามความรู้ไปใด้  แรกๆก็งงอยู่พอควรพอฟังเรื่องดวงวิญญาณ ต่อมาก็เริ่มเข้าใจลึกซึ้งขึ้น เมื่อมีโอกาสเรียนรู้และไตร่ตรองดู พอจะเข้าใจได้ว่าที่นี่เขาสอนเรื่องของการที่เราจะกลับเข้ามาตระหนักรู้ด้วยจิตสำนึกว่าเราป็นดวงวิญญาณ แทบจะเป็นกุญแจสำคัญในการค้นพบตัวเองที่แท้จริง และนำไปสู่ความสงบได้เร็วขึ้น ด้วยการนั่งโยคะสมาธิซึ่งเรียกว่า ราชาโยคะ Raja Yoga

11 6 21

บ่ายวันที่สองมีกิจกรรมสัมมนาแบ่งเป็นกลุ่มย่อย คุณหมอโสมสราญและผมอยู่ในกลุ่มเดียวกัน รวมประมาณ 12 คน  กุมารีครูผู้สอนบอกให้แต่ละคนเล่าถึง  ความรู้สึกสั้นว่าเรามีจุดมุ่งหมายที่มาในครั้งนี้อย่างไร คุณหมอโสมสราญก็ได้เล่าถึงการเดินทางมาครั้งแรกนี้เราตั้งใจ ขนาดพลาดจากขบวนรถไฟ ก็ยังนั่งรถตู้ข้ามคืนมาทันตามกำหนดการ เรียกว่าเป็นการผจญภัยที่สนุกไปเลย ปรากฎว่าทุกคนทึ่งไปตามๆกันเพราะปกติทุกคนจะใช้เส้นทางรถไฟตู้นอนกันมาทั้งนั้น พอวนมาถึงผมบ้าง ผมบอกว่าที่มาร่วมครั้งนี้เพราะรู้มาจากที่ไปสัมนารายการ Call of the Time Dialogue ที่มาเลเซีย เมื่อสามเดือนก่อน จึงอยากจะมารู้จักและเรียนรู้จากสถานที่มหาวิทยาลัยทางจิต สิ่งหนึ่งคือผมได้อ่านหนังสือชื่อ Mission of Love ของ Dr. Roger Cole แล้วผมติดใจมากและอยากจะรู้จักคุณหมอคนนี้จังเลย (ในใจผมเคยคิดอยู่ว่าอะไรทำให้คุณหมอเข้ามาเป็นนักเรียนทางจิต)  พอผมพูดจบปรากฎว่ามีผู้หญิงฝรั่งท่านหนึ่งผมสีทองที่เราอยู่ในกลุ่มเดียวกันนี้ เธอยกมือขึ้นเหมือนกับจะถามอะไรผม แต่กลายเป็นเธอแนะนำตนเองว่ามาจากนิวเซาท์เวล ออสเตเลียและเธอทำงานเป็นเลขานุการของ ด๊อกเตอร์โรเจอโคล แถมยังบอกต่ออีกว่า คุณหมอก็ได้เดินทางมาร่วมด้วยในครั้งนี้แต่จะมาถึง ในวันรุ่งขึ้นพร้อมกับคุณแม่ของคุณหมอก็ได้เดินทางมาถึงก่อนแล้ว จากประเทศอังกฤษ  เรารู้สึกประหลาดใจและดีใจว่าอะไรจะปานนี้ เหมือนกับมีใครมาเขียนบทละครไว้ให้เราได้มาพบกันโดยมิได้มีการนัดหมาย  ซึ่งจากนั้นอีกสองวันเราก็ได้มีโอกาสได้นัดพบกับคุณหมอ และคุณแม่ของท่านด้วย ที่ดาดฟ้าห้องอาหาร มื้อกลางวัน สมดังที่ได้ตั้งใจไว้

22 111 2

             ที่มหาวิทยาลัยทางจิตนี้ อาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก เขามีระบบการทำที่สะอาดบริสุทธิ์มากและทุกคนที่เตรียมอาหารจะอยู่ในความสงบเป็นพลังของโยคะ แม้แต่ตอนที่เราต่างไปรับอาหารเขาตักให้เราด้วยความรักเช่นพี่น้องทางจิต อาหารอินเดีย มังสะวิรัติ ที่บริสุทธิ์ (Sattwic vegetarian food) เป็นอาหารสุขภาพ ที่อร่อยมากและมีคุณค่าทางโภชนาการอย่างยิ่ง  เรายังได้มีโอกาสเข้าไปทัศนะศึกษา เยี่ยมในครัวและช่วยเขาหั่นผักเตรียมทำอาหารด้วย จึงทราบว่าที่นี่ เป็นเรื่องปกติที่เขาทำอาหารเลี้ยงแขกเป็นพันๆที่มาอยู่เสมอ  หลังอาหารกลางวันแล้วจะเป็นช่วงเวลาอิสระ ทำให้ได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ รวมทั้งพิพิธภัณฑ์  (Spiritual Arts Gallery) ที่รวมเรื่องราวที่น่าสนใจไว้มากมาย เช่นวงจรเวลาของโลกในหนึ่งกัลปะทำให้เราเข้าใจความรู้ พร้อมกับเพลิดเพลินไปกับประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ     ณ สถานที่แห่งนี้ ชื่อญาณสะโรวาร์ มีความหมายว่า ทะเลสาปแห่งความรู้ มีเนื้อที่ 25 เอเคอร์ (ก่อตั้งขึ้นโดยบราห์มากุมารี ในปี คศ  1996)  เต็มไปด้วยบรรยากาศของการฟื้นฟูจิตใจที่ไม่มีการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทุกอาคารมีห้องสัมมนา ที่ถูกออกแบบไว้โดยปราศจากมลภาวะทั้งทางเสียงและอากาศ  ทีอาคารห้องครัวและห้องอาหาร  ตลอดจนห้องพักสะดวกสบาย มีระบบทำน้ำร้อนและไอน้ำ โดยใช้ระบบพลังงานจากแสงอาทิตย์  สิ่งเหล่านี้ ได้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราเป็นอย่างมากในการปรับวิถีชีวิตที่ เรามักจะอยู่กับงานทางโลกและสภาพแวดล้อมที่เ ป็นมลภาวะ จราจรที่ติดขัดและชีวิตเต็มไปด้วยความผูกพันทางร่าง ข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ เสียงวิทยุทีวี เสียงโทรศัพท์ อีเมล์ ฯลฯ  แต่ที่นี่เราตื่นแต่เช้ามืดก่อนตีสี่ ไปทำโยคะสมาธิ ฟังคลาส เรียนรู้ เดินออกบริหารร่างกาย อาหารเช้า อิสระ ซื้อหาหนังสือ ซีดี วีซีดี ดีวีดี รูปภาพ ฯลฯ ทั้งหมดนี้จะได้ นำกลับมาศึกษาเรียนรู้เรื่องทางจิตเมื่อเรากลับมาแล้ว ที่ดีคือทุกอย่างราคาไม่แพงเลย มีเช้าวันหนึ่ง เป็นรายการออกไปเดิน ในป่าละเมอะทุงนา ดูดวงตะวันด้วย เรียกว่า Peaceful Walk กล่าวคือเราต้องไม่พยายามใช้เสียงพูดเลย จึงฝึกสื่อสารกันด้วยจิต กระแสความคิดและสายตา ผมว่าเป็นประสพการณ์ที่ดีมากแบบหนึ่ง ที่เรากลับคืนสู่ตัวตนภายในซึ่งอยู่กับปัจจุบันที่กำลังใช้ร่างกายนี้อยู่ บางที่เราอาจจะสัมผัสความรู้สึกในใจ ต่อเสียงเงียบๆในธรรมชาติ เสียงน้ำในลำธารที่ไหลริน เสียงนกร้อง เสียงแมลง ทั้งหมดนี้เป็นคลื่นพลังคอสมิคในธรรมชาติและในจิตสำนึกของเราด้วยหากแต่เรามีเคยเข้าใจมาก่อน

1010 55 01

         ในระหว่างการสัมมนาครั้งนี้น เรายังได้มีโอกาสไปทัศนะศึกษาต่อกันอีก ที่สำคัญได้แก่ มธุบาน ชื่อนี้มีความหมายว่าป่าน้ำผึ้ง สำนักงานใหญ่ เราต้องขึ้นรถบัสรับส่งของมหาวิทยาลัยย้อนทางกลับไปประมาณ 15 นาที  ที่นี่เรียกว่า ปานดาบบาวัน  ในนั้นมีสถานที่สำคัญเชิงประวัติศาสตร์สี่แห่ง ที่เมื่อได้เข้าไปนั่ง โยคะสมาธิแล้ว เรารู้สึกสัมผัสได้ถึงพลังแห่งความสงบได้อย่างรวดเร็ว กล่าวคือ หนึ่งห้องบาบา (Baba ‘s Room) สองกระท่อม บาบา (Baba’s Cottage) สามห้องอาคารประวัติศาสตร์(History Hall)  และสี่คืออนุสาวรีย์แห่งความสงบ (Peace Tower)        แล้วเย็นวันหนึ่งมีโอกาสไปดูพระอาทิตย์ตก ด้วยกันทั้งหมด เขาพาเราเดินออกจาก มาธุบาน เดินเลาะทะเลสาป ไปไม่ไกลก็เดินขึ้นเนินเขา เป็นเนินหินมากมายที่สวยงาม สายลมเย็น ด้านหลังเรามองเห็นทะเลสาป ด้านหน้าเป็นทิศตะวันตก เราต่างหามุมที่จะนั่งโยคะสมาธิได้ดี สถานที่นี้มีชื่อเรียกว่า บาบาร็อก Baba ‘s  rock    นี่เป็นอีกบรรยากาศและอีกวิธีการหนึ่งของการทำสมาธิที่ดี แม้ว่าเดิมทีผมเองคุ้นเคยกับการฝึกสมาธิมาบ้างก็ตามและใช้คำบริกรรมว่าพุทโธ วันนั้นพี่น้องทุกคนส่วนใหญ่อยู่ในชุดสีขาวแบบสบายๆ ต้องใช้แว่นกันแดดสีเข้มๆไว้เพื่อป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเล็ต สักสิห้านาทีก่อนที่ดวงตะวันจะลับขอบฟ้า ทุกคนนั่งอยู่ในท่าที่สบาย ผ่อนคลาย อยู่ในความนิ่งเงียบ สงบอยู่ภายในด้วยจิตสำนึกตระหนักรู้อยู่ว่า “ฉันเป็นดวงวิญญาณ…จุดแสงที่แสนเล็ก… พลังชีวืตที่เป็นอมตะ มิสามารถถูกทำลายลงไปได้ อยู่ที่กึ่งกลางหน้าผากลึกเข้าไปในสมองนี้…อยู่กับลมหายใจเข้าออก…ด้วยจิตที่อธิฐานด้วยความมุ่งมั่น ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดที่เป็นกฏแห่งธรรมะ ธรรมชาติสูงสุด อิทัปปัจจยตา ได้ดลบันดาลให้ลูกได้มีสติปัญญา ดวงตาที่เห็นธรรมะที่นำไปสู่การหลุดพ้นและหลุดพ้นในชีวิตในชาติภพปัจจุบันนี้ด้วย…”

4 101 3

เราต่างสัมผัสได้ว่าในความนิ่งเงียบนั้นเป็นการกลับคืนสู่ภายใน จำนวนความคิดจะลดลงเอง จิตเป็นความสงบที่ปรากฏขึ้นอยู่ภายใน รู้สึกเบาสบาย เป็นความรักความเคารพในคุณค่าของทุกชีวิตและสรรพสิ่ง เป็นความปีติสุขที่ล้นพ้น  เมื่อสายตาทอดเหยียดไปไกล ขอบฟ้าเป็นแสงสีแสดแดงทอง เรามองเห็นแสงตะวันที่ริบหลี่ลงไปทุกขณะ จวบจนลับฟ้าไปนั้น ทั้งผมและคุณหมอโสมสราญ รวมทั้งแทบทุกคนคงจะมีความรู้สึกประทับใจ ที่คล้ายคลึงกันเท่าที่ได้เล่าสู่กันฟังภายหลัง ผมรู้สึกเหมือนตัวเรากลายเป็นจุดแสงที่แสนเล็ก และพุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว ออกไปสู่อาณาเขตที่แสนไกล เลยจักรวาลนี้ไปไกลมากๆ ไปสู่ดินแดนแห่งความว่างเปล่าสีแดงทอง มีจุดแสงสีทองที่สว่างไสวดึงจุดแสงที่คงเป็นตัวเรานี้เข้าไปในระยะที่ไกล้มากๆ นิ่งเงียบสงบอย่างแท้จริง  ดูเหมือนกับว่าเราได้รับคลื่นพลังบางอย่างเข้ามาที่กึ่งกลางหน้าผากและซึมซาบป็นแสงสว่างเข้าไปในร่างกายเราทั้งหมด ฝ่ามือทั้งสองข้างยกลอยขึ้นไปเอง ในขณะที่น้ำตาแห่งความปีติ ไหลรินออกมาโดยไม่สามารถหักห้ามอยู่ได้ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจนักว่า นั่นคือที่ไหน จวบจนภายหลังความรู้และประสพการณ์ จึงทราบว่านั่นคือบ้านเดิมของทุกดวงวิญญาณ เป็นดินแดนแห่งนิพพาน  นี่คือประตูที่สามที่ผมรู้สึกว่าผมเดินผ่านเข้าไปซึ่งมีนัยสำคัญต่อการก้าวเข้ามาเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยทางจิต อย่างแท้จริง    ดังนั้น ที่บาบาล็อกนี้ จึงเป็นที่ๆควรมีโอกาสขึ้นไปเยียมชมเมื่อไปมธุบาน   อีกสถานที่หนึ่งที่เราได้ไปคือ สวนแห่งความสงบ Peace Park ที่เขาจัดให้มีการไปปิกนิค สังสรรค์ร่วมกันมีกิจกรรมการละเล่น สนุกสนาน ร่วมกันในระหว่างพวกเราที่มาจากต่างประเทศทั้งหมด แทบไม่น่าเชื่อว่าทุกคนก็ได้กลับไปเป็นเด็กๆที่ไร้เดียงสาได้สนุกสนานกันกับ การเล่นเก้าอี้ดนตรี วิ่งแยกจับกลุ่ม ปิดตาเดินหาลูกบอล รำกระทบไม้ ฯลฯ เป็นต้น สถานที่ พีสปาร์คนี้กว้างขวางมาก และมีพันธ์ไม้ดอกนานาชนิดที่หลากหลายบานสะพรั่งสวยสดงดงาม ภาพที่เห็นซ้ายสุดนั้นเป็นภาพ คุณแม่ และเลขาฯ ของคุณหมอ โรเจอร์โคว์  ที่มหาวิทยาลัยทางจิตนี้ยังมีโรงพยาบาล ชื่อโรงพยาบาลโลก Global Hospital ให้การตรวจดูแลรักษาผู้ป่วยทุกระดับด้วยมาตรฐานเทคโนโลยีที่ดีทันสมัย และเน้นการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวม พร้อมทั้งมีการออกหน่วยไปรักษาผู้ป่วยที่ยากไร้ เป็นกิจกรรมการกุศล โดยเฉพาะการออกหน่วยแพทย์ไปทำผ่าตัดตาต้อกระจกใส่เล็นซ์เทียม เหมือนกันกับคุณหมอโสมสราญ ทำให้กับมูลนิธิพิทักษ์ดวงตาประชาชนในประเทศไทย เราจึงได้มีโอกาสไปรู้จักกับ คุณหมอประทับ ท่านเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลแห่งนี้

8 ๅๅๅๅ 5

พอสรุปได้ว่าการเดินทางไป อินเดีย  มธุบาน มหาวิทยาลัยทางจิต เป็นครั้งแรกของเรานี้ ตลอดทั้งเจ็ดวัน เราได้รับประสพการณ์เบื้องต้นของการเรียนรู้ทางจิตวิญญาณ อย่างดียิ่งเป็นที่ประทับใจ ทุกอย่างสะดวกสบายจนถึงการเดินทางกลับนั้นได้กลับรถไฟตู้นอน เป็นอีกรสชาดหนึ่งของการเดินทางที่ต่างกันกับขาไป และเดินทางถึงกรุงเทพเช้าวันใหม่ที่เรารู้สึกปลอดโปร่ง สดชื่น แจ่มใสว่าได้ไปเยียม บราห์มากุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกมาแล้ว ในใจลึกๆนั้นขอบคุณทุกคนและบทละครที่เป็นส่วนที่เข้ามาเกี่ยวข้องทำให้ได้รับสิ่งดีๆเหล่านี้  หลังจากนั้นเราทั้งสองคนก็ได้เข้ามาศึกษารับบทเรียนเพิ่มเติม  จนได้เป็นนักเรียนและบราห์มากุมารี เราได้เปลี่ยนแปลงทัศนคติมุมมองของชีวิต เข้าใจตนเองที่แท้จริง หมั่นทำโยคะสมาธิ ด้วยศรัทธาในความรู้และสติปัญญา ปรับเปลี่ยนอุปนิสัยพฤติกรรมให้กลับคืนมาสู่ความบริสุทธิ์ด้วยความเพียรพยายาม ในการกำจัดกิเลสตัณหาทั้งสิบตัว ซึ่งมาจากการมีสำนึกที่เป็นร่างกาย เราเปลี่ยนมาทานอาหารมังสะวิรัติที่บริสุทธิ์และที่สำคัญคือ ทุกๆเช้าเราจะได้ฟังและอ่านทบทวนความรู้ใหม่ๆ ที่เรียกว่า เมอร์ลีย์ (ซึ่งเปรียบเสมือนอาหารทางจิต)  ทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปในสายตาของผู้อื่นที่เขามองดูเรา สำหรับรายละเอียดนั้นคงจะมีเรื่องราวเป็นตอนๆ  ที่อาจจะนำมาแบ่งปันกันอีกในโอกาสต่อไป ปัจจุบันนี้เราเป็น บราห์มากุมารี สังกัดอยู่ที่ศูนย์ นิวโลตัสเซ็นเตอร์ ซึ่งมี บีเคเรืออากาศเอก ทรงยศ เปี่ยมใจ เป็นหัวหน้าศูนย์  บทความนี้คงเป็นเพียงเบื้องต้นเท่านั้นสำหรับผู้ที่แสวงหาคำตอบในวิถีชีวิต ที่สำคัญนั้นอยู่ที่ว่าใครจะได้เปืดประตูเข้าไปสู่หนทางที่นำไปสู่จุดหมายปลายทางที่สุงสุดและถูกต้องแม่นยำ นั่นคือสู่การหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิต (Liberation and Liberation in Life)  จึงขอให้ท่านโชคดี …..

7