pic64408058_501482159914641_1760058378_n

ประชาปิตา บราห์มา : ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก 

              นี่คือเวลาแห่งกลียุคของกัลปะก่อนที่สวรรค์จะถูกสร้างขึ้นใหม่  บัดนี้กิเลสมายา(Maya) ได้ฝังรากเง้าลึกอยู่ในทุกๆ ดวงวิญญาณมนุษย์  พันธนาการมนุษย์ให้ตกต่ำด้อยค่าไร้ความมั่นคง มนุษย์จึงต้องแสวงหาทุกสิ่งรอบกายเพื่อมาเติมความพร่องในจิตใจที่แห้งแล้ง  แต่ยิ่งแสวงหาจิตมนุษย์กลับยิ่งเหือดแห้ง เกลียดชัง ร้อนเร่า โง่เขลาไร้สติรับรู้ว่ากำลังหลับใหลอยู่บนเตียงแห่งความขมขื่นเจ็บปวดทุกข์ทรมานทุกคืนวัน มายาทำให้สายตามนุษย์มืดบอดไม่อาจเห็นแสงแห่งความรู้ที่แท้จริงได้…นี่คือเวลาแห่งค่ำคืนอันมืดมิดแห่งประวัติศาสตร์มนุษย์    แต่อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นเวลาที่มีค่ายิ่งเป็นยุคแห่งการบรรจบพบกันระหว่างกลางคืนอันมืดมิดและกลางวันที่แสงสว่างปรากฏขึ้นด้วยความรักและความรู้ที่แท้จริงของพระเจ้า    ท่านจะลงมาในเวลานี้เพียงครั้งเดียวเพื่อปลดปล่อยลูกๆของท่านและมาสอนหนทางการหลุดพ้นจากเงามืดที่ปกคลุมโลกอยู่ขณะนี้  ท่านอวตารจากโลกแห่งความเงียบสงบ(Supreme Abode) ซึ่งคือบ้านเดิมของจิตวิญญาณทุกดวง  ท่านลงมายังโลกโดยใช้ร่างของมนุษย์ผู้หนึ่งเพื่อทำงานอันสูงส่งของท่าน  มาสอนความรู้ความจริงแท้ในตัวตนของมนุษย์  ความจริงของวงจรโลกและสามโลก  เมล็ดพันธุ์แห่งต้นไม้มนุษย์ และวิธีการของราชโยคะอันเป็นวิชาที่สูงส่งที่สุดในการเปลี่ยนมนุษย์ผู้ตกต่ำทุกข์ยากให้หลุดพ้นโบยบินไปสู่สภาวะแห่งการเป็นเทพ !       พระเจ้าต้องลงมาใช้ร่างมนุษย์ธรรมดาผู้หนึ่ง   เพื่อนำความรู้ที่สูงส่งของท่านมาสู่ลูกๆทุกดวงวิญญาณบนโลกนี้

                 หลายคนอาจประหลาดใจ หรือบ้างก็คงหัวเราะเยาะ เพราะมีหลายคนเป็นผู้ซึ่งไม่เชื่อในพระเจ้า หรือหากเชื่อก็อาจมีความเชื่อผิดๆ ในเรื่องที่ว่า พระเจ้านั้นคือใคร?  ท่านมาทำอะไร? และมาเมื่อไร?  แน่นอนผู้ซึ่งไม่เชื่อเลยนั้น ก็ได้โปรดสงวนคำตัดสินไว้ก่อนเถิด คงไม่มีสิ่งใดเสียหายหากท่านเปิดใจที่จะรับความรู้ใดความรู้หนึ่งเข้าสู่จิตใจของท่าน  เหมือนกับการรับความรู้ทางโลกทั่วไป  และยิ่งความรู้นั้นอาจเป็นความรู้ที่จะทำให้ท่านกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยอย่างไม่มีขีดจำกัดแล้ว นั่นก็เป็นเรื่องของโชคชะตาที่สูงส่งของท่านเอง   โปรดอย่าได้ปิดกั้นและปฏิเสธสิทธิ์อันมีค่านี้เสีย!  เพราะความจริงก็คือความจริง และยังคงจะเป็นความจริงอยู่เช่นนั้น  ไม่ว่ากาลเวลาจะผันผ่านไปนานเพียงใด !

 ผู้เป็นพาหนะของพระเจ้า

 The Chariot of God

d3 

             ท่านผู้นี้คือผู้ที่มีประวัติอันยิ่งใหญ่ถูกถักทอเรื่องราวชีวิตให้มีความอัศจรรย์ยิ่ง เป็นเรื่องราวของผู้ที่มีความรักอันยิ่งใหญ่   แน่นอนว่า…คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่พระเจ้าได้เลือกร่างของชายผู้นี้  หนึ่งเดียวจากมนุษย์หลายพันล้านบนโลกและถูกเลือกขึ้นมาให้เป็นเครื่องมือของพระเจ้า  พระเจ้าเป็นผู้รู้ทุกสรรพสิ่งและผู้สมบูรณ์พร้อม  ดังนั้นหากท่านจะเลือกใครเพื่อเป็นพาหนะ จะต้องมีเหตุผลหลายประการ ไม่ใช่เหตุผลเพียงสถานะภาพชีวิต ณ ปัจจุบันของท่านผู้นี้เท่านั้น  แต่..เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันทั้ง  84 ชาติเกิดของท่านตลอดวงจรของเวลาโลกนี้ใน 1 กัลปะ     แต่ขอเก็บเรื่องราว  84  ชาติของท่านที่ลึกซึ้งไว้ก่อน จะขอนำเสนอแต่เพียงประวัติชีวิตในชาติปัจจุบันซึ่งมีเรื่องราวที่น่าสนใจ จวบจนถึงเมื่อพระเจ้าได้เข้ามาใช้ร่างของท่าน  ในชีวิตทางโลกผู้นี้มีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อม  ท่านเป็นผู้ที่ให้ความเคารพต่อผู้คนอื่นและเป็นผู้มีความถ่อมตนยิ่ง เคร่งครัดในศาสนาและมีคุณธรรมที่สูงส่ง  แม้แต่คนทั่วไปก็รับรู้ได้ว่าท่านเหมาะสมแล้วที่จะเป็นเครื่องมือรับใช้ของดวงวิญญาณสูงสุด  นับเป็นสิ่งน่าอัศจรรย์ที่ได้รู้ถึงชีวิตส่วนตัวของท่านผู้เป็นพาหนะของพระเจ้า   ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่จะซ้ำรอยอีกครั้งในทุกๆ  5,000  ปี 

            ท่านมีชื่อเต็มว่า เลคราส  ครีพลานี  เกิดในปี ค.ศ. 1876   ณ เมืองไฮดราบัด ประเทศอินเดีย ท่านเป็นผู้ที่มีใจใฝ่ไปในทางธรรมตั้งแต่เด็กๆ  ด้วยมีธรรมชาติที่โอบอ้อมอารี และมักถูกเรียกจากผู้จนรอบข้างด้วยความรักนับถือว่า ดาด้า(พี่ชาย)     ดาด้า เลคราช ถึงแม้ว่าจะเกิดมาจากครอบครัวที่มีพื้นฐานธรรมดาแต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษหลายอย่างติดตัวมา  คุณสมบัติหนึ่งที่ปรากฏเห็นได้ขณะแรกพบคือ ความสว่างที่เปล่งประกายจากใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักต่อผู้คน  ท่านมีหน้าผากที่สูงกว้าง  ผมขาวดั่งหิมะ  ผมตัดสั้นดูสะอาดตา ใช้ชีวิตเรียบง่าย  มีความเป็นสุภาพบุรุษ  เสียสละ ถ่อมตนเป็นผู้ที่มีความจริงใจ  เป็นที่ชื่นชอบของมิตรสหายและผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต  ยิ่งกว่านั้นท่านยังมีพลังของดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูด เป็นกระแสที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ยามที่ได้พบเห็น b1           ในวัยเด็กท่านเป็นผู้ที่มีศรัทธาเคร่งครัดในศาสนาของตน ท่านจะอ่านคำสอน ศรีมัต ภควัตคีตะ ด้วยความเชื่อและศรัทธาอย่างมาก อีกทั้งดาด้าจะบูชาเทพนารายัญด้วยความเคารพรักสูงสุดด้วยคิดว่านั่นคือพระเจ้า  ท่านจึงมีภาพของศรีนารายัญตั้งไว้  ณ  หิ้งบูชาในห้องนอน ใต้หมอนและในทุกๆที่เพื่อเตือนตนให้มีจิตสักการะ ครั้งหนึ่งในตลาดที่ดาด้าเคยเดินผ่านประจำ มีภาพวาดของนารายัญนอนเอนกายพักผ่อนและมีศรีลักษมีจักรพรรดินีกำลังนวดเท้าดั่งเช่นคนรับใช้  ดาด้าไม่ชอบภาพนี้อย่างมากด้วยคิดว่าทำไมผู้หญิงจึงถูกตีค่าให้ต่ำต้อย ท่านรู้สึกว่าความสามารถของสตรีมิได้น้อยกว่าของผู้ชาย และความคิดเช่นนั้นทำให้ท่านตามหาคนวาดภาพที่น่ารังเกียจนั้นจนพบ  และจ้างให้นักวาดภาพนั้นวาดภาพเสียใหม่โดยให้เทพทั้งสองนั้นยืนเคียงข้างกันแทน  ซึ่งเวลานั้นดาด้าเองก็ไม่เคยรู้เลยว่า ในชาติถัดจากนี้ไป ท่านเองที่จะกลายไปเป็นศรีนารายัญ!

            พ่อของท่านมีอาชีพเป็นครูใหญ่  แต่ดาด้า เลคราชไม่ได้ตัดสินใจเดินตามรอยทางของพ่อ ท่านเริ่มธุรกิจของตนเองด้วยการค้าขายข้าวสาลี  พยายามรวบรวมทุนทั้งหมดจากการค้าที่ไม่ค่อยจะดีนัก  เมื่อได้จำนวนทุนที่เพียงพอก็เริ่มดำเนินธุรกิจที่ตนใฝ่ฝันนั่นคือธุรกิจค้าเพชร  ดาด้าพัฒนาตนเองขึ้นมาจนเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการแยกแยะเพชรพลอยได้อย่างชำนาญ  เพียงในเวลาสั้นๆ ชื่อเสียงความเก่งกาจของท่านก็แพร่สะพัด  ธุรกิจก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทั้งราชา มหาราชา อุปราชอังกฤษ กลายมาเป็นลูกค้าและเป็นเพื่อนของท่าน  แม้กษัตริย์ของเนปาลและกษัตริย์  Valaipur ก็ปฏิบัติต่อท่านเฉกเช่นแขกพิเศษ ท่านได้รับเชิญไปในงานเลี้ยงสำคัญๆและได้รับการต้อนรับอย่างมีเกียรติ ไม่เพียงเพราะท่านมีเพชรที่งดงามไว้สำหรับขาย  แต่เป็นเพราะความมีอัจฉริยะที่เขาเหล่านั้นสัมผัสได้ในตัวของ ดาด้า เลคราช   กษัตริย์ Valaipur นั้นทรงทราบดีถึงความศรัทธาในศาสนาของดาด้า เลคราช   ด้วยพฤติปฏิบัติของท่านนั้นสูงส่งเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์  จนหลายครั้งกษัตริย์พูดกับท่านว่า  “เป็นความผิดพลาดของพระผู้เป็นเจ้า  ที่ทำให้เราเป็นกษัตริย์แทนที่จะเป็นท่าน เพราะคุณธรรมและพลังอำนาจในการเป็นกษัตริย์ทั้งหมดอยู่ภายในท่านแล้ว”  ความจริงแล้ว พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทำความผิดพลาดใดๆ  กษัตริย์เหล่านั้นเป็นเพียงกษัตริย์แต่ในนาม เป็นกษัตริย์ซึ่งมีมงกุฎชั้นเดียว  เพราะไม่นานต่อจากนี้ พระเจ้าได้ลงมาและทำให้ ดาด้า เลคราช ทำความเพียรทางจิตวิญญาญอันสูงส่ง ทำให้ท่านได้รับสถานภาพของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ผู้มีมงกุฏสองชั้น  นั่นคือ มงกุฏแห่งการเป็นผู้ที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลศ และมงกุฏของจักรพรรดิ์ผู้ครองโลกทั้งโลกนี้ 

            ดาด้า เลคราชเป็นที่รักของสังคมซินดิ  ท่านเป็นผู้มีใจมั่นคงดั่งภูผามีความเข้มแข็งที่จะเผชิญสถานการณ์ต่างๆที่ผันแปรได้อย่างดี    แม้จะเกิดจากครอบครัวชั้นกลาง  แต่ดาด้าก็เติบโตอย่างรวดเร็วในอาชีพด้วยพลังแห่งความเพียร  ซื่อสัตย์ประกอบกับความชาญฉลาดบรรลุถึงขั้นเศรษฐีและเป็นคนหนึ่งที่รวยที่สุดในอินเดีย และยิ่งกว่านั้นดาด้าก็เป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตครอบครัวมีครอบครัวที่อบอุ่น ท่านเป็นที่รักใคร่ของบรรดาญาติสนิทมิตรสหายเพื่อนบ้านและผู้คนในแวดวงธุรกิจ   แม้ดาด้า เลคราชจะมิได้มีการศึกษาที่สูงแต่ท่านใช้วิธีศึกษาด้วยตนเอง ท่านสามารถใช้ภาษาซินดิได้อย่างดี ทั้งยังศึกษาปรัชญาและศาสนาจากหนังสือภาษาฮินดี  เชี่ยวชาญในคัมภีร์ของกูรูมุกดีและกูรู Granth ซาฮีบ  ท่านอ่านภาษาอังกฤษได้ชำนาญ  มากกว่านั้นยังเป็นนักเขียนจดหมายที่เก่ง มีรูปแบบที่สั้นและได้ใจความ สามารถจะสื่อออกมาได้เห็นภาพและมีพลังสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ที่อ่านได้ดี  ท่านเป็นผู้ที่เข้าถึงวรรณกรรมและศิลปะได้อย่างลึกซึ้ง  สามารถจับใจความและเข้าถึงสาระได้ในชั่วขณะ  เป็นผู้ที่มีความจำดี  แม้แต่ในงานธุรกิจของท่านก็ประสบความสำเร็จเนื่องจากท่านมองเห็นทะลุปรุโปร่งในธุรกิจตัวเอง  ท่านเป็นผู้สร้างรูปแบบเพชรของท่านเองโดยไม่ต้องลอกเลียนแบบงานของผู้ใดเลย   ท่านพรั่งพร้อมด้วยสิ่งต่างๆที่มนุษย์ทั้งหลายพึงปรารถนาจะมีไว้ครอบครอง   ชีวิตของท่านนับว่าเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในทางโลกอย่างสูงผู้หนึ่ง  

           แม้ว่าจะประสบความสำเร็จทางโลกสูงยิ่ง  แต่ดาด้า เลคราชก็ยังทำการบูชาศาสนาพิธีอย่างเคร่งครัด วิถีชีวิตของท่านทานอาหารบริสุทธิ์มังสวิรัติ  แม้แต่ในงานเลี้ยงอาหารค่ำแขกหรือลูกค้าของท่านก็จะเป็นอาหารมังสวิรัติ ที่ไม่มีเหล้าและบุหรี่   ดาด้าชอบที่จะไปแสวงบุญ ท่านไปที่วัด Amarnath และ Kashi เสมอๆ  ท่านจะเชื้อเชิญเหล่าสาธุ   ซานยาสซีที่เร่ร่อนให้เป็นแขกค้างคืนที่บ้านท่าน  มีความสุขกับการได้สนทนาธรรมกับพวกเขา   และดาด้ายังมีความเชื่อศรัทธาเคารพต่อกูรู(ผู้นำดวงวิญญาณที่เป็นมนุษย์)ของท่านอย่างมาก  ดาด้าจะเชื่อฟังแม้คำสั่งเล็กๆน้อยๆของกูรูไม่ว่าในเรื่องใด   ท่านจะชอบการทำกุศลทุกรูปแบบ   รักความชอบธรรมและมีเหตุผล  ไฟแห่งคุณธรรมปรากฏอยู่ในทุกการกระทำของท่านที่สามารถสัมผัสได้  ดูเหมือนว่าชีวิตของท่านด้าด้า เลคราชเป็นความงดงามดังเช่นภาพที่เคลื่อนไหว ท่านมีร้านเพชรที่จาร์กาต้าและมีธุรกิจอื่นๆ อีกหลายอย่าง  ที่เมืองบอมเบย์ท่านมีบ้านสองแห่งรวมทั้งบ้านที่ ไฮดราบัด  ท่านเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีความสุขสบาย  มีชีวิตที่หรูหราและเป็นผู้มีอำนาจ

            สิ่งที่น่าสนใจและแปลกใจเป็นอย่างยิ่งของผู้คนทั่วไปก็คือ ในเมื่อท่านเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลกสมบูรณ์พร้อมแล้ว  เพราะเหตุใดท่านจึงได้กลายมาเป็นพาหนะของพระเจ้า?   และกลายมาเป็นได้อย่างไรกัน?

d2

            ชีวิตของท่านมีความสุขทางโลก ทั้งทางด้านครอบครัวและธุรกิจอัญมณีอันรุ่งเรืองของท่านจนถึงวัย 60 ปี   โดยธรรมเนียมประเพณีของชาวอินเดีย สำหรับผู้ชายที่มีลักษณะเช่นดาด้าที่ใฝ่ทางด้านศาสนา เมื่อถึงวัยเกษียรอายุก็มักจะไปปฏิบัติธรรมเข้าป่าแสวงหาหนทางเป็นผู้สละละทิ้ง แต่ถึงแม้ดาด้า จะมีความรักต่อพระเจ้าอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง ท่านก็ไม่เคยคิดจะละทิ้งบ้านและแยกไปอยู่อย่างสันโดษอย่างเช่น ฤาษี  แม้ภรรยาของท่านจะพูดว่า “ถึงเวลาที่เราควรจะไปหาที่ห่างไกลซักแห่งและอยู่อย่างฤาษี”  แต่ท่านคิดทบทวน แล้วก็บอกว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันหาเงินมาหลายแสนรูปีแล้ว ให้ฉันหาอีกสักเท่าตัวแล้วหลังจากนั้นค่อยไปเป็นฤาษีกัน”   ดาด้ายังมองเห็นช่องทางที่จะทำเงินได้ และคิดจะหาเงินต่อไปอีกสัก 2-4 ปี  เพื่อนำมาทำบุญอุทิศให้กับผู้ที่ขาดแคลนและจะไปใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในป่า

        แต่”  ดั่งสุภาษิตที่ว่า  “มนุษย์เสนอ  แต่พระเจ้าเป็นผู้จัดการ”  “Man proposes God  Dispose”  เมื่อได้เกิดเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งขึ้นกับดาด้า เลคราช ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการสละละทิ้งการผูกพันยึดติดทั้งมวล  เมื่อท่านได้เริ่มสัมผัสกับพลังประหลาดที่เป็นพลังแห่งการหยั่งรู้อันเกิดขึ้นภายในจิตของท่าน   วันหนึ่งขณะที่ดาด้านั่งอยู่หลังบ้านพักกับพวกลูกศิษย์กูรูของท่าน   พลังแห่งการหยั่งรู้ก็เกิดขึ้น เป็นพลังอันสูงส่งเข้ามากระทบท่าน  ท่านไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร  จึงได้แต่แยกออกมาจากผู้คนและเข้าไปในห้องเพื่อซึมซับอยู่กับปรากฏการณ์ที่ยากจะบรรยายนี้เพียงผู้เดียว  คลื่นพลังแห่งปีติสุขนั้นได้แผ่ปกคลุมท่านอย่างไม่เคยได้รับจากที่ใดมาก่อน  ท่านได้หลุดออกจากสำนึกแห่งความเป็นร่างกาย(body conscious) สู่สำนึกว่าตัวเองนั้นเป็นจุดของดวงวิญญาณ  เป็นพลังแสงที่บริสุทธิ์  สงบปีติสุข   และจากนั้นก็ปรากฏภาพนิมิตของวิษณุเทพผู้มี  4  แขนขึ้น

          ดาด้า เลคราชคิดว่านิมิตที่ได้รับนั้นเป็นเพราะกูรู(ผู้นำจิตวิญญาณผู้เป็นมนุษย์)ได้ประทานนิมิตนี้แก่ท่าน   ท่านจึงรีบออกไปพบกูรูและบอกเล่าประสบการณ์ที่แสนวิเศษนั้น  แต่ขณะที่เล่าอยู่นั้นดาด้าก็เห็นสายตาที่ว่างเปล่าของกูรูว่าไม่ได้รู้ในสิ่งที่ท่านเล่าเลย!   กูรูผู้นี้ไม่รู้สิ่งที่ท่านได้ประสบมาแม้แต่น้อย มันอยู่นอกเหนือความสามารถของกูรูท่านนี้  แล้วผู้ใดกันที่ส่งคลื่นพลังนี้มาสู่ท่าน  ผู้ใดที่ให้นิมิตของวิษณุแก่ท่าน  หรือว่าจะเป็นพระเจ้าสูงสุด?  แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ  แล้วเหตุใดพระเจ้าจึงมาให้นิมิตนี้แก่ท่าน ?    

          สองสามวันหลังจากนั้น ขณะที่ดาด้า เลคราชเดินทางไปจัดการธุรกิจและพบปะเพื่อนๆต่างเมือง ทันใดที่ท่านเดินผ่านจุดที่ท่านเคยมาทำพิธีทางศาสนา  ดาด้าก็เริ่มรู้สึกสัมผัสถึงคลื่นพลังนั้นอีกครั้ง คราวนี้ท่านรู้แล้วว่ามิใช่ปรากฏการณ์บังเอิญเพียงชั่วครู่แล้วหายไปเหมือนครั้งก่อน พลังงานนั้นได้ดึงดูดท่านให้รู้สึกเหมือนหลุดออกไปจากโลกนี้  ล่องลอยทิ้งร่างกายไว้เบื้องล่าง  ท่านถูกดึงให้เข้าไปในทะเลแห่งความรู้ และได้รับการเปิดเผยอย่างแท้จริงว่า ผู้ที่ลงมาให้นิมิตก็คือ พระเจ้าชีว่า Shiva Paramatma (ดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ซึ่งมีรูปอมตะเป็นจุดแห่งแสง)    พระเจ้าชีว่ามาให้นิมิตแก่ดาด้าเพื่อสอนว่า “พ่อนั้นคือ ดวงวิญญาณสูงสุด ผู้เป็นจุดของแสง และลูกๆ ทั้งหลายต่างก็เป็นดวงวิญญาณเช่นเดียวกันกับท่าน เป็นจุดแห่งแสงซึ่งมีสำนึกที่เปล่งประกาย  เพียงแต่ลูกๆ ได้รับร่างกายหยาบและมาเล่นบทบาทบนเวทีของโลกวัตถุ  ขณะที่พ่อชีว่านั้น คงอยู่ในรูปที่เป็นอมตะ โดยที่ไม่มีการลงมาเกิดเหมือนเช่นลูกๆ   บัดนี้ลูกนั้นหลงลืมตัวเองว่าลูกนั้นเป็นใคร   ด้วยผ่านการเกิดชีวิตแล้วชีวิตเล่า  พลังของดวงวิญญาณก็ลดลงเพราะลูกตกอยู่ในกิเลสมายาจนมีความทุกข์ยากเพิ่มขึ้นๆ     บัดนี้เป็นเวลาที่ละครโลกจะต้องจบสิ้นลงแล้ว     แต่ก่อนที่ละครจะจบสิ้น พ่อก็จะลงมา มาเพื่อยกระดับลูกๆให้กลับมาสู่ความบริสุทธิ์สมบูรณ์อีกครั้งหนึ่ง  มันจะเป็นการจบเพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง”

d6

         แล้วพระเจ้าชีว่า ก็ให้นิมิตกับดาด้า ได้เห็นฉากแห่งการทำลายล้างโลกเก่าที่จะต้องเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ และฉากที่ ดาด้าได้เห็นก็คือ  ลูกระเบิดนิวเคลียร์ที่ทรงพลานุภาพได้ถูกสร้างขึ้นและมนุษย์นำใช้ทำลายล้างกันเอง สงครามระหว่างประเทศอเมริกาและประเทศรัสเซีย  ลูกไฟขนาดมหึมาปะทุขึ้น  โลกตกอยู่ใต้เปลวแห่งพายุเพลิงที่ดาลเดือดไปทุกหย่อมหญ้า มันคือหอกโมกขษะ(moosals)หรือธนูไฟ(Brahmastras ศรพรหมมาศ) ที่กล่าวถึงไว้ในคัมภีร์เก่าแก่ในสงครามมหาภารตะ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 5,000 ปีก่อน และเวลานี้มันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งตามวงจรโลกเดิม ดาด้าได้มองเห็น ผลของสงครามประลัยกัลป์ครั้งนี้ประเทศในยุโรปและประเทศอเมริกาจะถูกทำลายล้างจนสิ้นซาก!

          สงครามที่เริ่มเปิดฉากจะกลายเป็นจุดจบของโลก  จะไม่มีคนเหลือแม้แต่ที่จะฝังศพคนตาย  “โลกของซากศพ สงบนิ่งอยู่บนพื้นผิวน้ำ”  ดวงวิญญาณจะบินออกจากร่างทันทีนับล้านๆ ดั่งฝูงยุงในค่ำคืนของเปลวเพลิง  และบินขึ้นไปยังโลกวิญญาณที่อยู่อาศัยสูงสุด(Supreme Abode) จะเหลือไว้เพียงแค่หยิบมือเดียวของมวลมนุษย์บนโลก!

          ไม่ใช่เพียงยุโรป อเมริกาและรัสเซียเท่านั้นที่พินาศ แต่การทำลายล้างนั้นไปถึงจีน อัฟริกา อินเดีย ตะวันออกกลาง  และจากนั้นความตายก็จะเคลื่อนเข้ามาอย่างช้าๆ  เพราะสงครามระหว่างชาติและสงครามกลางเมืองที่อลหม่าน  และจุดสุดยอดของคลื่นแห่งความน่าสะพรึงกลัว คือวัตถุธาตุธรรมชาติอันเกรี้ยวกราด  น้ำท่วม คลื่นยักษ์ แผ่นดินไหวที่มีขนาดมหึมาจนเหลือที่จะเชื่อได้ ภูเขาไฟระเบิด พิบัติภัยทุกรูปแบบที่ประดังกันมาด้วยความโกรธแค้น ความหายนะกลืนกินไปทั่วทั้งโลก!    โลกถูกทำลายล้างจนมนุษย์และสัตว์ต่างวิ่งหนีตะเกียกตะกายเพื่อรักษาชีวิตจากกรามของพญายม  แต่มันไม่มีที่ใดให้หลบซ่อน  เปลวพระเพลิงได้เผาพลาญอย่างตะกละตะกรามจนสิ้น !

            ดาด้าเริ่มสั่นเทา จากนิมิตที่เห็น จนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ 

           แล้วฝน 5000 ปีก็ทะลักตกลงมา คลื่นน้ำหลากไหลไปทั่วท้องถนน กลืนบ้านเรือนและสิ่งก่อสร้างโค่นล้มสั่นสะเทือน แผ่นดินถูกเปิดออกอย่างไพศาล ธรณีสูบฝูงชนลงใต้ผิวโลกที่โกรธแค้น เสียงอึกกระทึกอื้ออึงร่ำไห้ไปทุกแห่งหน เสียงโหยหวนเพราะความเจ็บปวดและความน่าสะพรึงกลัวในความตายที่คืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า…เลือดเย็น ทุกแห่งเต็มไปด้วยสายธารแห่งเลือดและหนอง ความสิ้นหวังและการสวดอ้อนวอนร้องขอเพื่อการหลุดพ้นดังระงมไปทั่วทุกสารทิศ       จนในที่สุด…ความเงียบสงัดก็เข้ามาแทนที่……. 

           ดาด้า เลคราช ผู้ซึ่งในชีวิตไม่เคยหลั่งน้ำตา กำลังสะอึกสะอื้นอยู่    โอ้! พระผู้เป็นเจ้า   กรุณาหยุดเหตุการณ์นี้…หยุดเหตุการณ์นี้ด้วยเถิด… ดาด้า คร่ำครวญ มันเป็นการทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวอะไรเช่นนี้   ได้โปรดเถิด ๆ  โปรดแสดงให้ฉันเห็นภาพด้านอื่นที่สวยงามของท่านบ้าง! 

 b3

          … ภายหลังที่กลับมาถึงซินดิบ้านเกิด ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้วสำหรับ ดาด้า เลคราช  บัดนี้ท่านได้รับสารจากพระเจ้าชีว่า โลกกลียุคกำลังจะถูกทำลายลง ท่านตัดสินใจถอนตัวออกจากธุรกิจค้าเพชรและเลิกกิจการทางโลกทั้งหมด บัดนี้มันหมดความหมายและกลายเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยอีกต่อไป      สภาวะจิตของท่านบัดนี้ได้ปล่อยวางสิ้นเยื่อใยไร้ความปรารถนา ร่างกายของท่านมิได้เปลี่ยนไปแต่จิตวิญญาณของดาด้าได้เริ่มเปลี่ยนแปลงไปแล้วเพราะได้รับพลังจากแหล่งกำเนิดสูงสุดคือ พระเจ้าชีว่า พระเจ้ากำลังหล่อเลี้ยงเมล็ดพันธ์ทางดวงวิญญาณนี้ เพื่อให้พร้อมต่อการรับบทบาทอันสำคัญยิ่ง ที่ไม่มีผู้ใดบนโลกจะเล่นบทบาทที่สูงส่งนี้ได้เช่น ดาด้า เลคราช

 เวลาแห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติ:

เวลาที่พระเจ้าอวตารลงมาใช้ร่างผู้เป็นพาหนะของพระองค์

          ในคืนวันที่มีการชุมนุมใหญ่ทางศาสนาที่บ้านของ ดาด้า เลคราช ซึ่งมีกูรูที่นับถือมาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กัน และมีผู้คนมามากมายในวันนั้น  ดาด้าก็ยังปฏิบัติต่อกูรูของท่านด้วยความนับถือเช่นเดิม ด้วยรู้สึกว่ากูรูก็คือมนุษย์ที่ดีที่สุดผู้หนึ่งที่มีความปรารถนาดีต่อกัน     แต่ทว่าบัดนี้  บุคลิกของดาด้าได้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะภายในจิตใจของท่านนั้นได้เชื่อมต่อกับกระแสของพระเจ้าชีว่าผู้สูงส่งที่สุดอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่กูรูกำลังอธิบายความรู้อยู่นั้น  ดาด้าก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากที่ชุมนุม  ซึ่งกริยาเช่นนี้ท่านไม่เคยทำมาก่อน เพราะการกระทำเช่นนั้นถือเป็นการไม่ให้ความเคารพกูรู 

          ท่านจาโชด้า ภรรยาของดาด้า  เป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นเล่าว่า    

          ฉันเห็นบุคลิกท่าทีของดาด้าในวันนั้น ก็รู้ว่ามีพลังบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่ควบคุมท่านอยู่ในเวลานั้น  เมื่อดาด้าเดินออกไปจากที่ชุมนุม  ฉันคิดว่าควรจะไปตามท่านกลับมาฟังการบรรยายของกูรูต่อ  เมื่อไปถึงที่ห้องและเปิดประตูเข้าไป ก็พบสิ่งที่ไม่คาดฝัน   ฉันเห็นนัยน์ตาของดาด้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด เหมือนกับว่าไฟสีแดงได้สว่างขึ้นภายในตัวท่าน  ใบหน้าทั้งหมดกลายเป็นสีแดง  แม้แต่ห้องก็ถูกฉายไปด้วยแสงสีแดง  เรืองแสงออกมาดั่งมีความร้อน  และแล้วบางสิ่งก็เกิดขึ้นในตัวฉันด้วย  “ฉันรู้สึกปราศจากร่าง !”  ฉันจะอธิบายอย่างไร  ฉันอยู่ที่นั่น แต่เหมือนไม่ได้อยู่  !  ฉันรู้สึกเบา  ความคิดของฉันกระจ่างชัดที่สุดเท่าที่เคยมีมา  ฉันได้ยินเสียงมาจากด้านบน  มันเหมือนกับผ่านมาจากปากของดาด้า  มีใครกำลังใช้ปากของดาด้าพูด  เสียงนั้นเบามากในตอนแรก  แล้วค่อยๆ  ดังขึ้นๆ  ฉันตกตะลึง  ไม่ใช่ความตื่นเต้น  แต่เป็นความเรียบง่าย  ที่น่าเกรงขาม และมีพลังอย่างที่สุด  เสียงนั้นกล่าวว่า

b4

ฉันคือผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข  ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า

 ฉันคือผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้    ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า

 ฉันคือรูปแห่งแสง  ฉันคือชีว่า  ฉันคือชีว่า

  ฉันคือรูปของตัวฉันเอง  เป็นรูปของความรู้  เป็นรูปของแสง 

            ฉันถูกตรึงอยู่ตรงนั้นในสภาวะที่ปราศจากร่างกาย ทันทีที่ดาด้าเปิดตาขึ้น ท่านมองไปรอบๆอย่างประหลาดใจ  ฉันถามว่าบาบาท่านกำลังมองหาอะไรหรือ?   ท่านพูดว่า  “เธอรู้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร   นั่นเป็นแสง เป็นพลังและมาพร้อมกับโลกใหม่   มีบางคนที่มาจากที่ไกลโพ้น   มีจำนวนมากมาย   พวกเขามองดูคล้ายดวงดาว  และเมื่อดวงดาวลงมาพวกเขากลายเป็นเจ้าชายและเจ้าหญิง  แสงและพลังพูดกับฉันว่า  “ท่านจะต้องสร้างโลกเช่นนั้น”  แต่ท่านมิได้แสดงให้เห็นว่าโลกใหม่เช่นนั้นจะสร้างขึ้นอย่างไร?   ฉันควรจะสร้างโลกใหม่เช่นนั้นด้วยวิธีใด ?”

           นั่นเป็นช่วงเวลาเริ่มต้นของ ยุคแห่งการบรรจบพบกัน(The Confluence Age) อีกครั้งหนึ่งของกัลปะ เป็นเวลาที่พระเจ้าชีว่า ดวงวิญญาณสูงสุดได้เข้าไปใช้ร่างของดาด้า เลคราช เพื่อเป็นเครื่องมือมาบอกและสอนความรู้ของพระเจ้าที่แท้จริง มาบอกความจริงสูงสุดว่าท่านคือใคร และสอนความจริงให้ลูกๆ รู้ว่าลูกนั้นคือดวงวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย  ท่านมาเปิดเผยความลี้ลับของวงจรโลก นัยยะสำคัญของชาติเกิด84 ชาติสูงสุดของมนุษย์  ต้นไม้และเมล็ดพันธ์ของมนุษย์  และสอนความรู้ราชโยคะที่จะทำให้มนุษย์ที่ตกต่ำจากกิเลสให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์มาเป็นเทพ ท่านมาเปิดเผยสัจจะเกี่ยวกับการทำลายล้างที่กำลังจะมาถึงและการก่อตั้งสวรรค์ซึ่งจะตามมาหลังจากนั้น  ท่านคือพระเจ้าผู้ซึ่งให้สัญญาณกับ ดาด้า  เลคราชซึ่งจะต้องกลายเป็นสื่อและเครื่องจักรสำหรับการสร้างโลกที่สูงส่งยุคทองที่กำลังจะมาได้อย่างสูงศักดิ์ ฯลฯ 

          พระเจ้าเองได้กลับมาอีกครั้งเพื่อรักษาสัญญาที่ได้ให้ไว้เมื่อ 5000 ปีที่แล้ว  และมาอย่างลับๆเพื่อเติมเต็มลูกๆที่บูชาท่าน   ท่านมาสอนความรู้เก่าที่สูญหายไปและมาเตือนความจำให้กับดาด้าว่า   ท่านนั้นเองคือ กฤษณะที่จะมาเกิดในตอนเริ่มต้นของวงจรโลกและท่านได้ใช้ชาติเกิดมาแล้ว 84 ชาติ       ท่านได้เปลี่ยนร่างมาแล้วหลายต่อหลายร่าง  จนบัดนี้ถึงร่างสุดท้ายของวงจรแล้ว และเมื่อโลกที่เต็มไปด้วยกิเลสมายาอันเป็นเหตุแห่งทุกข์กำลังจะถูกทำลายเพื่อจะกลับไปสู่โลกแห่งความสุขอีกครั้ง  เมื่อนั้นท่านจะกลับมาเกิดเป็นเด็กน้อยกฤษณะผู้ซึ่งถูกกำหนดให้มาปกครองสวรรค์     ท่านเป็นมนุษย์คนแรกท่านคือ  “อดิเทพ”   ท่านถูกสร้างขึ้นมาอีกครั้งด้วยรูปลักษณ์ของพระเจ้า  เมื่องานเสร็จสมบูรณ์ ท่านจะถูกส่งไปอยู่ในสวนของเอเด็น       ดาด้า ท่านคือ  อดัมที่แท้จริง !

b5

            เมื่อพระเจ้าชีว่าเข้ามาใช้ร่างของดาด้า เลคราช เพื่อถ่ายทอดความรู้ของท่านแก่มนุษย์โลกแล้ว ท่านได้ตั้งชื่อดวงวิญญาณที่ท่านเข้ามาใช้ร่างเป็นพาหนะโดยให้นามใหม่ว่า “ประชาปิตา  บราห์มา”(ผู้เป็นบิดาของปวงประชาทั้งมวล)  เมื่อนั้น..มูรติที่หนึ่งของพระเจ้าก็ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วบนโลก!

            ใครก็ตามที่ได้รับความรู้ซึ่งพระเจ้าชีว่าพูดผ่านปากของบราห์มา ผู้นั้นก็จะ“กลายเป็นทายาทซึ่งเกิดจากปาก” หรือเรียกว่า บราห์มิน  และไม่ว่าผู้ที่มาจะมีอายุเท่าใด  แก่ชรา หนุ่มสาว วัยรุ่นหรือเด็ก ทุกคนที่จำท่านได้แล้วก็จะกลายเป็น “ลูกที่แสนหวาน”  ซึ่งจะได้ชื่อว่า บราห์มา กุมาร และบราห์มา กุมารี  ลูกชายและลูกสาวที่บริสุทธิ์ของ บราห์มา

พ7

            นี่คือเรื่องราวชีวประวัติโดยย่อของชายผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่า  ประชาปิตา บราห์มา  ที่เป็นเรื่องจริงในการลงมาใช้ร่างของพระเจ้าซึ่งเป็นพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดของชาวโลก    เรื่องราวแห่งการสละละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดด้วยอายุที่เข้าสู่วัยปลดเกษียร   และเมื่อชีวิตของท่านเปลี่ยน….. มันก็เป็นการเปลี่ยนแปลงที่มีผลกระทบต่อโลกทั้งโลก!   ท่านเริ่มให้ความรู้ของพระเจ้าที่สูงส่ง  นั่นคือ ราชโยคะ  ตั้งแต่ปี ค.ศ.1936   และได้บุกเบิกก่อตั้ง บราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก ในปี ค.ศ. 1937       ท่านได้ละร่างกายหยาบไปในวันที่ 18 ม.ค. 1969  ด้วยวัย 93 ปี     พร้อมกับได้วางรากฐานของงานที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและมวลมนุษยชาติทั้งมวล    เพื่อผู้ที่เป็นลูกๆ ของท่านจะได้สานงานต่อ  ในนามของ บราห์มา กุมารี มหาวิทยาลัยทางจิตของโลก

           หลังปี ค.ศ.1957 มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกได้มีการขยายงานรับใช้ออกไปสู่ประเทศในตะวันตก และในปี ค.ศ.1971  ศูนย์ได้ถูกเปิดขึ้นในประเทศอังกฤษ ณ กรุงลอนดอน   ในวันนี้ลอนดอนมีศูนย์ใหญ่ๆ หลายแห่ง     และเป็นจุดศูนย์กลางของงานรับใช้พระเจ้าในแถบตะวันตก   และหลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดศูนย์ในแฟรงค์เฟริท์ ประเทศเยอรมันนี,ในออสเตรเลีย, ในปารีส, ดับลิน, บราซิล, เบลเยี่ยม, เม็กซิโก, ในอัฟริกา, เมอริเชียส และกายาน่า, แคนาดา, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   หรือแม้แต่ใน ประเทศรัสเซีย และสาธารณะรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันมีศูนย์อยู่ทั่วโลกแล้วกว่า 8,500 แห่ง  ใน 137 ประเทศ  และมีสมาชิกรวมมากกว่า 800,000 คนแล้ว

images u

v12 v11 11   

   หากท่านสนใจประวัติอันมหัศจรรย์และสูงส่งของท่านประชาปิตา บราห์ม่า โดยละเอียด  สามารถศึกษาได้จากหนังสือ 2 เล่ม ของมหาวิทยาลัยทางจิตของโลก สาขาประเทศไทย ที่ศูนย์นิวโลตัส เสรีไทย  หนังสือชื่อ

1. หนังสือประวัติบราห์มา บาบา  เป็นหนังสือในรูปแบบการ์ตูน  อ่านง่าย  สนุกและไม่ยาวนัก

2. หนังสือ อดิเทพ (ADI DEV)   เป็นหนังสือประวัติโดยละเอียด

           หรือสนใจอยากเข้ามารับความรู้มหาวิทยาลัยทางจิตของโลกตัวตัวของท่านเอง   โปรดติดต่อศูนย์ต่างๆ ที่เป็นสาขาประเทศไทย  โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น  ทุกศูนย์มีความยินดีที่จะถ่ายทอดความรู้ของพระเจ้า  เพราะความรู้เหล่านี้เป็นความรู้เพื่อมนุษยชาติในการสร้างโลกใหม่  และเป็นมรดกของผู้ที่มีโชค ที่จะกลับมารับมรดกของตนเองกลับคืนไป.. 

d1